จดหมายจากผู้อำนวยการ
ผมมีโอกาสไปกินข้าวร้านอาหารเกาหลีแบบที่มีเครื่องเคียงหลายๆชนิด ทางร้านก็มีกิมจิให้เรากิน และขอเติมได้ไม่จำกัด พอหมดของคาวก็มีแตงโมหวานๆมาล้างปาก พวกเราที่ไปกินก็แอบสงสัยว่า ถ้ากิมจิเติมได้แล้ว แตงโมจะขอเพิ่มได้หรือไม่หลังจากที่เขินๆ แบบจะถามดีไม่ดี อยู่สักเดี๋ยวก็ตัดสินใจว่าลองถามเค้าดูก็ไม่เสียหายอะไร แล้วก็ถามไป”แตงโมนี่เติมได้เหมือนกันหรือเปล่า” น้องตอบมาว่า “ได้ค่ะ”แล้วจัดมาให้พวกเราอีกจานนึง อร่อยไป มาคิดดูว่าขณะที่เราลังเลว่าจะถามหรือไม่ ผลลัพธ์จะเป็นไงบ้าง ถ้าถามออกไปก็เป็นได้สองทางคือ เราได้กินเพิ่มกับ อดกินแต่ถ้าเราเลือกไม่ถามก็แน่นอนว่า “อดแน่นอน”
เวลาที่เราออกไปประกาศพระกิตติคุณก็เช่นกัน หลายครั้งที่เราลังเลที่จะพูด อยู่ในช่วงเวลาลังเลระหว่างการที่ เราจะเลือกพูดหรือไม่พูดพระกิตติคุณออกไป แต่ถ้าลองนึกดูให้ดี ผลลัพธ์สำหรับผู้ฟังก็มีสองทางคงคล้ายกันกับเรื่องแตงโมคือ ถ้าเราพูดออกไป โอกาสของเขามีทั้งได้ รับความรอด หรืออาจยังไม่ตัดสินใจ แต่ถ้าเราไม่พูดออกไปก็เท่ากับในวันนั้นทางเลือกที่จะได้รับความรอดหมดไปทันที
ความเขินอายเป็นเหตุผลสำคัญข้อหนึ่ง ที่ทำให้คริสเตียนไม่กล้าประกาศหลายครั้งที่เราลังเลที่จะบอกเรื่องราว ของพระเยซูเพราะรู้สึกอาย เขิน หรือกลัวที่จะถูกปฏิเสธ ในขณะที่พระธรรม 2 ทิโมธี 1:8 หนุนใจเราว่า
“อย่าละอายที่จะเป็นพยานฝ่ายองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา หรือฝ่ายตัวข้าพเจ้า ที่ถูกจำจองอยู่เพราะเห็นแก่พระองค์แต่จงมีส่วนในการยากลำบาก เพื่อเห็นแก่ข่าวประเสริฐโดยอาศัยฤทธิ์เดชแห่งพระเจ้า”
ขอพระเจ้าช่วยผม และพวกเราทุกคน ที่จะไม่อายที่จะประกาศ แต่ชื่นชมยินดีทุกครั้งที่ได้บอกข่าวประเสริฐกับทุกๆคน ขอพระเจ้าอวยพรครับ
ร่วมรับใช้พระคริสต์
(พัฒน์วิทย์ องค์เจริญ)
ผู้อำนวยการ YFC Thailand
การประกาศพระกิตติคุณ
พันธกิจอื่นๆ
พันธกิจของเราดำเนินได้ด้วยการสนับสนุนจากพี่น้องคริสเตียนไทย